การปลูก ต้นตะลิงปลิง
ลักษณะทางธรรมชาติ* เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ต้นสูงเต็มที่ 5-7 ม. ทรงพุ่มโปร่งและแตกกิ่งก้านเหมือนมะเฟือง ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค และทุกฤดูกาล ชอบดินเหนียวร่วน มีอินทรีย์วัตถุมากๆ ต้องการความชื้นสูง เจริญเติบดีในพื้นที่มีน้ำตลอดปีเหมือนมะพร้าว ตาล จาก เช่น ริมคลอง
* ปลูกบนที่ดอนเมื่อถึงช่วงหน้าแล้งจะผลัดใบพักต้น เมื่อได้ฝนก็จะแตกใบอ่อนพร้อมกับออกดอก ส่วนแปลงที่ได้รับน้ำตลอดปี หลังตัดแต่งกิ่งแล้วแตกใบอ่อนก็จะมีดอกออกมาแบบไม่มีฤดูกาล
* ออกดอกติดผลตลอดปีละรุ่น โดยออกดอกช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ผลแก่เก็บเกี่ยวช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. พร้อมกับมะม่วงปี แต่ถ้าได้บำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องหลายๆปีก็จะออกดอกติดผลตลอดปีแบบไม่มีรุ่นได้
* เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุต้น 2 ปีหลังปลูก
* ออกดอกติดผลที่กิ่งแก่และลำต้นเหมือนมะเฟือง ดอกสีชมพูสวยมาก เป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมตัวเองหรือต่างดอกต่างต้นได้
* อายุผลผลิตตั้งแต่ออกดอก ถึง เก็บเกี่ยว 75 วัน
* รสเปรี้ยวจัดกว่ามะนาวมาก
สายพันธุ์
นิยมปลูกเพียงสายพันธุ์เดียว คือ พันธุ์พื้นเมือง
การขยายพันธุ์
ตอน (ดีที่สุด). ทาบกิ่ง. เสียบยอด. เพาะเมล็ด (ไม่กลายพันธุ์).
ระยะปลูก
- ระยะปกติ 4 X 4 ม. หรือ 6 X 6 ม.
- ระยะชิด 2 X 2 ม. หรือ 2 X 4 ม.
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น ตัดแต่งกิ่ง :
- ตะลิงปลิงเป็นไม้ทิ้งกิ่งเองเมื่อกิ่งใดแก่ก็จะแห้งแล้วหลุดร่วงได้เอง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่งก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุง อย่างไรก็ตามการปฏิบัติบำรุงตามขั้นตอนย่อมได้ผลดีกว่าปล่อยให้เป็นไปตาม ธรรมชาติ นั่นคือ การตัดแต่งกิ่งก็ยังคงมีความสำคัญและจำเป็นอยู่
- ตัดแต่งเพื่อการแตกยอดใหม่ให้ตัดกิ่งกระโดง กิ่งในทรงพุ่ม กิ่งคดงอ กิ่งชี้ลง กิ่งไขว้ กิ่งหางหนู กิ่งเป็นโรค ทั้งนี้ภายในทรงพุ่มควรให้โปร่งจนแสงส่องผ่านลงไปถึงโคนต้นได้ - ตัดกิ่งทิ้งเพื่อไม่ให้แตกยอดใหม่ป้องกันทรงพุ่มทึบเกินไปให้ตัดชิดลำกิ่งประธาน - ถ้าต้องการควบคุมขนาดทรงพุ่มก็ต้องตัดกิ่งแก่ กรณีนี้ให้บำรุงต้นก่อนแล้วลงมือตัดได้เลย กิ่งแก่ใดที่มีใบและกิ่งแขนงติดอยู่มาก หลังจากตัดปลายกิ่งแก่จนเป็นกิ่งด้วนไปแล้วมักมีดอกออกมาตามซอกใบด้วยเสมอ ซึ่งถ้าต้นสมบูรณ์ดีจริงๆจะมีดอกมากกว่าการตัดปลายกิ่งอ่อนด้วยซ้ำ
- ตัดยอดกิ่งประธาน (ผ่ากบาล) ณ ความสูงต้นตามต้องการ นอกจากช่วยทำให้แสงแดดผ่านจากยอดเข้าสู่ภายในทรงพุ่มได้อย่างทั่วถึงแล้วแสง แดดที่ร้อนยังช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดี และเพื่อควบคุมขนาดความสูงทรงพุ่มอีกด้วย
- นิสัยการออกออกดอกของตะลิงปลิงไม่จำเป็นต้องกระทบหนาว การตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝนแล้วเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไป ตามลำดับจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์ดีกว่ากว่าตัดแต่งกิ่งในช่วงอื่น
ตัดแต่งราก :
- ระยะที่ต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้วิธี ล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน - ต้น อายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมี ประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม